เทคโนโลยีใหม่ แอลอีดี ทีวี การันตีราคาถูก

แอลอีดี ทีวี 1

แอลอีดี ทีวี เป็นทีวีที่มีหลักการแสดงภาพโดยใช้หลอด Cold Cathode Fluorescent Lamp (CCFL) ซึ่งเป็นหลอดไฟผอม ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับหลอดฟลูออเรสเซนท์ที่ใช้กันตามบ้านเรือนทั่วไป วางนอนเรียงกันลงมาเป็นตัวกำเนิดแสง และมีผลึกเหลว (Liquid Crystal) ซึ่งเป็นผลึกที่เราสามารถควบคุมให้โมเลกุลภายในบิดตัวเอียงได้ เป็นตัวกำหนดให้แสงจากหลอด CCFL ลอดผ่าน (หรือไม่ผ่าน) ผลึกเหลวนี้ ไปยังแผ่นกรองสี(Colour Filter) ที่มีสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน เรียงกันอยู่ประกอบกันเป็นหนึ่งพิกเซล (Pixel) ซึ่งหน้าจอทีวีหนึ่งก็จะมีพิกเซลต่อเรียงกันอยู่เต็มหน้าจอ สำหรับแสงที่สามารถลอดผ่านผลึกเหลวออกมาได้ก็จะเห็นเป็นสีสว่างสีต่าง ๆ ส่วนแสงที่ไม่สามารถลอดผ่านออกมาได้ก็จะเห็นเป็นสีดำมืดนั่นเองจริง ๆ

แอลอีดี ทีวี จริงๆแล้วหลักการทำงานของ แอลอีดี ทีวี นั้นแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากหลักการทำงานของ LCD TV เลย จะต่างกันก็เพียงแค่ตรงในส่วนของการใช้ชนิดของแหล่งกำเนิดแสงคนละชนิดเท่านั้นเอง โดย LCD TVจะใช้หลอด CCFL แต่ แอลอีดี ทีวี จะใช้หลอดแอลอีดี (LED: Light Emitting Diode) ซึ่งเป็นหลอดไฟขนาดเล็กที่ปัจจุบันเรามักจะพบเห็นกันโดยทั่วไปทั้งที่อยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาต่าง ๆ ในของเล่นเด็ก ไฟท้ายรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งสัญญาณไฟจราจรก็ตาม ดังนั้น แอลอีดี ทีวี มันก็คือ LCD TVที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงเป็นหลอด LED แทนที่จะใช้เป็นหลอด CCFL นั่นเองคำถามที่ตามมาก็คือแล้วการเปลี่ยนเพียงแค่แหล่งกำเนิดแสงนี้มันจะทำให้เกิดผลดีอย่างไร คำตอบก็คือเนื่องจากหลอด LED นี้มีขนาดที่เล็กมากและมีอัตราการบริโภคพลังงานที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับหลอด CCFL ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะต้องใช้จำนวนหลอด LED มาประกอบเข้าด้วยกันมากกว่าจำนวนหลอด CCFL เพื่อให้ได้ความสว่างที่เท่ากันตามต้องการ การใช้หลอด LED ก็จะยังคงใช้พื้นที่ที่เล็กกว่าและสิ้นเปลืองพลังงานน้อย
กว่าการใช้หลอด CCFL มาก จึงทำให้ขนาดของ แอลอีดี ทีวี นั้นมีความบางกว่า LCD TV นั่นเอง

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันแอลอีดี ทีวี ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดในเวลานี้จะมีอยู่หลายแบบ ซึ่งแต่ละแอลอีดีแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อด้อยที่แตกต่างกันไป เราลองมาดูกันว่าแอลอีดี ทีวีแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันอย่างไร

1. Edge LED TV ก็คือ LED TV ที่มีการวางหลอดLED ไว้เฉพาะตรงขอบด้านบน ล่าง ซ้าย ขวาของทีวี LED TVแบบนี้จะมีข้อดีที่เห็นได้เด่นชัดมาก ๆ คือ ความบางของมันเมื่อเทียบกับ LCD TV ทั่วไป แต่ LED TV แบบนี้จะมีข้อเสียคือไม่สามารถทำการเปิด/ปิดหลอด LEDเป็นบางจุดอย่างเป็นอิสระจากกัน(Local Dimming) ได้ จึงทำให้ภาพที่ได้มีความถูกต้องคมชัดสีสันสมจริงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ LCD แบบอื่น

2. Full LED TV มันก็คือ LED TV ที่มีหลอด LED วางเรียงกันอยู่เต็มแผงด้านหลังของตัวทีวี ข้อดีของ แอลอีดี ทีวี แบบนี้ก็คือให้ภาพที่มีความถูกต้องคมชัดสีสันสมจริงกว่า Edge LED TV เนื่องจากมันสามารถทำการเปิด/ปิดหลอด LED เป็นบางจุดได้ แต่ Full LED TV นี้ก็มีข้อเสียคือมีความหนาของตัวเครื่องเกือบเท่า LCD TV เลย

3. RGB LED TV คือ LED TV ที่ใช้หลอด LED แม่สี Red Green Blue วางเรียงกันอยู่เต็มแผงด้านหลังของตัวทีวี สำหรับข้อดีของ แอลอีดี ทีวี แบบนี้ก็คือมันสามารถให้สีสันได้ชัดเจนและมีความถูกต้องมากที่สุดเมื่อเทียบกับLED TVทั้งสองแบบที่กล่าวมาข้างต้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากว่าแหล่งกำเนิดแสงนั้นให้กำเนิดแสงออกมาเป็นแม่สีตั้งแต่ต้นทางนั่นเอง ส่วนข้อเสียที่สำคัญของ RGB LED TV ณ ปัจจุบันนี้ก็คือ ราคาที่สูงมาก